วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

GoInter กับนีโอไลฟ์


GoInter กับนีโอไลฟ์ สยายปีกรับตลาดเออีซี

นีโอไลฟ์ เร่งสยายปีกรับตลาดเออีซี ดันธุรกิจโกอินเตอร์ วาดเป้า 5...
นีโอไลฟ์ เร่งสยายปีกรับตลาดเออีซี ดันธุรกิจโกอินเตอร์ วาดเป้า 5 ปีข้างหน้าดันรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ใช้งบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท หวังขึ้นแท่นติด 1 ใน 5 ของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ“ว่า บริษัทได้วางแผนเชิงรุกระยะสั้น เพื่อรองรับการขยายตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือจากปี 2554-2559
รวมถึงเพื่อเป็นการรองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนหรือ เออีซี และเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า บริษัทมีเป้าหมายต้องการผลักดันให้มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เงินลงทุนในการรุกตลาดประมาณ 3,000 ล้านบาท  ภายใต้ยุทธศาสตร์หลักใน 3 ด้าน เพื่อขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 ของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย
ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้านนั้น ประกอบด้วย
  1. การขยายตลาดในกลุ่มเออีซี เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่มีมากถึง 500 ล้านคน ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เริ่มเข้าไปรุกตลาดในประเทศลาวที่กรุงเวียงจันทน์เป็นที่แรก เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไปในปี 2552 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีศูนย์สาขาที่เปิดในประเทศลาวแล้ว 5 แห่ง ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท
    ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนามในปี 2555 รวมทั้งมีแผนการขยายไปยังประเทศสิงคโปร์ ที่ขณะนี้ได้ทำการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างการรอสำนักงานเสร็จ สิ้น อีกทั้งมีแผนการทยอยรุกธุรกิจไปยังประเทศจีน พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่ทั้งนี้รูปแบบการรุกตลาดอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขกฎหมายของแต่ละ ประเทศ โดยเฉพาะจีนและมาเลเซีย ที่อาจปรับระบบเป็นขายตรงชั้นเดียว ซึ่งรูปแบบการลงทุนในทุกประเทศ บริษัทจะเข้าไปลงทุนเองทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว
  2. บริษัทมีแผนการตั้งอาคารสำนักงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 60 ไร่ บริเวณรังสิต ใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะขึ้นเป็นบริษัทขายตรงที่มีพื้นที่ดำเนินการใหญ่ที่สุดในธุรกิจเดียวกัน
  3. การพัฒนาระบบบริการและระบบไอที เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนของการให้บริการนั้น บริษัทจะมีการพัฒนาศูนย์สปาช็อป เซ็นเตอร์ ที่มีอยู่แล้ว 970 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการลูกค้าดีมากขึ้น โดยศูนย์ดังกล่าวเป็นการลงทุนของสมาชิก ซึ่งจากการวัดผลพบว่า มีจำนวนมากถึง 500 แห่ง ที่ประสบความสำเร็จ และศูนย์เหล่านี้จะช่วยในการขยายฐานลูกค้าและสมาชิกในอนาคตด้วย
รวมถึงบริษัทมีเป้าหมายการพัฒนาศูนย์สาขาให้มีมาตรฐานมากขึ้น ปัจจุบันมีอยู่แล้วกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และจะมีการขยายศูนย์เหล่านี้ให้มีมากขึ้น เพื่อเป็นทั้งศูนย์กระจายสินค้าและอบรมสมาชิกให้มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การพัฒนาระบบไอที จะเร่งพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่สามารถทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลาด้วย
“ที่บริษัทมั่นใจว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาทได้นั้น เนื่องจากบริษัทมีแผนรองรับหลายชั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยในปีนี้ที่ผ่านมามีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท
และปี 2554 นี้ตั้งเป้ารายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งนับจากนี้ไปคาดว่าการเติบโตจะมีประมาณ 24% ต่อปี
นอกจากนี้เหตุผลที่มั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ นั้น
เป็นเพราะ
บริษัท มีความพร้อมในเรื่องของโรงงานผลิตสินค้าที่มีทั้งโรงงานเมกา ไลฟ์ 
ที่ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
และโรงงานนีโอแดนท์ที่ผลิตสินค้าในกลุ่มความงาม ซึ่งปัจจุบันเดินเครื่องกำลังผลิตเพียง 30% เท่านั้น” นายนพรุจกล่าว
ปัจจุบันสินค้าที่บริษัทจำหน่ายนั้นมีทั้งหมด 4 กลุ่ม คือ
  1. สมุนไพรจีน
  2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม
  4. สินค้าอุปโภคบริโภค
ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มต่างๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและรองรับการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 15-20%
และคาดว่าในอีก 5 ปี จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 1,000,000 คน จากเดิมที่มี 800,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกนักธุรกิจ 30% และที่เหลืออีก 70% เป็นสมาชิกผู้บริโภค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น